.....ปรากฏการณ์จานบินตกที่รอสเวลล์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ.1947 ครับ โดยผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนแรก แมค แบรซเซล (Mack Brazel) เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ ในที่เกิดเหตุ โดยแบรซเซลได้ยินเสียงระเบิดดังมากมาจากทางฟาร์มของเขา จึงได้เข้ามาตรวจเช็คดู สิ่งที่เขาพบนั้นเป็นซากของวัตถุสีเงินเป็นแผ่นๆ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ กินวงกว้างกว่า ร้อยเมตรโดยซากของเศษวัตุที่เขาพบนั้นเหมือนกันโลหะสีเงินแผ่นบางๆ กระจายไปทั่ว และในบริเวณรอบๆ นั้น ก็มีสิ่งที่คล้ายกับเศษซาก อุปกรณ์ของยานพาหนะบางอย่าง กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด หลังจากที่เขาได้ลองเดินสำรวจดูสักพัก สิ่งที่เขาพบตามมานั้น ทำให้เขายิ่งกว่าตื่นตะลึงเสียอีก เมื่อพบเห็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายมนุษย์ เพียงแต่ตัวเล็กกว่า หัวโต ผิวหนังสีเทาซีด นอนเรียงรายกันอยู่ 4 ร่างด้วยกัน แบรซเซลรับรู้ได้ทันทีว่า สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งปกติ เขารีบกลับไปบ้านและบอกเล่าถึงเรื่องราวอันแปลก ประหลาดนี้แก่เพื่อนสนิทและสื่อสิ่งพิมพ์ทันที แน่นอนว่าเขาได้เก็บเอาวัตถุลึกลับติดตัวไปด้วย เพื่อยืนยันเหตุการณ์อันไม่ปกตินี้ ข่าวลือเรื่องมีจานบินมาตกในรอสเวลล์ ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งจากทางหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุ ตลอดจนทางโทรทัศน์ จนทางกองทัพอากาศของสหรัฐต้องออกมาแถลงการณ์ว่า วัตถุบินได้ดังกล่าวนั้นเป็นเพียงบอลลูนตรวจอากาศ (Weather balloon) ที่ใช้สำหรับวัดสภาพปริมาณทางอากาศที่กำลังทำการทดลองสำหรับโครงการโมกุล (Mogul Project) เพียงเท่านั้น ไม่ใช่จานบินหรือยูเอฟโอแต่อย่างใด
.....ในวันต่อมาแบรซเซลได้ถูกกองทัพอากาศสหรัฐควบคุมเอาไว้ และนำไปไว้อย่างเกสเฮาส์ และถูกควบคุมตัวอยู่ 2-3 วัน จากนั้น ทางกองทัพอากาศสหัฐก็ได้นำแบรซเซลออกมาแถลงการณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับสื่อ แน่นอนครับว่าคราวนี้แบรซเซลได้เล่าเรื่องไปชนิดที่เรียกว่าหนังคนละม้วนทีเดียว โดยเขาบอกว่าสิ่งที่เขาพบนั้นเป็นเพียงบอลลูนตรวจอากาศเท่านั้นมีมีอะไรมากไปกว่านี้ เป็นถ้อยแถลงสั้นของแบรซเซล งานนี้เล่นเอาบรรดานักข่าวงงไปตามๆ กัน ในตอนแรกรายละเอียดต่างๆ พรั่งพรูออกมาจากปากของเขามากมาย หลักฐานก็ได้หยิบติดไม้ติดมือมาให้หลายๆ คนได้เห็น แต่ตอนนี้กลับบอกเป็นเพียงบอลลูนตรวจอากาศธรรมดาๆ เท่านั้น มีคนให้ความเห็นว่าแบรซเซลโดนข่มขู่ไม่ให้เปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นออกไป เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อความมั่นคงและโครงการลับบางโครงการของทางรัฐบาลก็เป็นได้ และบรรดาหลักฐานต่างๆ ก็ถูกทางกองทัพเคลื่อนย้าย แยกเอาไปเก็บไว้แต่ละที่ ในเวลาเพียงไม่นาน และบริเวณที่เกิดการตกของวัตถุลึกลับนั้นก็ถูกล้อมห้ามเข้าอย่างเด็ดขาดโดยกองทัพอากาศ หลังจากนั้นได้ก่อเกิดโครงการตรวจสอบยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวโดยเฉพาะ หรือที่รู้จักกันในนาม "โปรเจ็คท์บลูบุ๊ค (Project Bluebook)"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น