.....บทความเกี่ยวกับจระเข้คราวก่อนได้นำเสนอเรื่องของ กุสตาฟ จระเข้ยักษ์แห่งบุรุนดี ไปแล้ว แต่ก็ยังเรื่องราวของจระเข้ยักษ์อีกตัวครับที่น่าสนใจ และมีชื่อเสียงไม่แพ้กัน แต่คงไม่โหดและเป็นตำนานเท่ากุสตาฟในเรื่องการสังหารจำนวนเหยื่อที่เป็นที่โจษจันกัน สำหรับเจ้าจระเข้ตัวนี้ชื่อว่า โกเมค (Gomek) ครับ เราลองมาดูตำนานของเจ้าโกเมคกัน
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
10 อันดับสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก
......พบกันอีกเช่นเคยครับ กับบทความมีสาระบ้าง ไม่มีบ้าง ปนๆ กันไปครับ สำหรับบทความคราวนี้จะนำเสนอเรื่องของสัตว์มีพิษ 10 ชนิดครับ ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ บ้างก็ใช้พิษเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวจากนักล่า บ้างก็มีพิษเอาไว้เพื่อล่าเสียเอง ในทางวิชาการนั้น มีการนำพิษมาใช้กับหนูทดลอง เพื่อให้ได้ค่าดัชนีความร้ายแรงของพิษว่ามีถึงระดับใด วิธีนี้เรียกว่า Median Lethal Dose โดยใช้การป้อนไปเข้าไปในร่างกายของหนูทดลองหรือการให้สัมผัสโดยตรง แล้วดูเทียบปริมาณที่ใช้ไปกับแต่ละตัวอย่างทดลอง ก็จะได้ดัชนีนี้ออกมาครับ สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ครับ แต่วิธีทดลองนี้ก็ไม่ได้ครอบคลุมไปทั้งหมด เพราะพิษแต่ละชนิดนั้นอาจจะออกอาการแตกต่างกันไปตามชนิดของพิษ เอาละครับไม่เกริ่นยืดยาวละ เรามาดูผู้เข้ารอบในแต่ละอันดับเลยครับ
อันดับ 10 ปลาปักเป้า (Puffer Fish)
.....พูดถึงปลาปักเป้าแล้ว คิดว่าส่วนใหญ่ทุกคนก็คงจะเคยเห็น หรืออาจจะเคยซื้อมาเลี้ยงจากจตุจักรตัวละ 5-10 บาท ตัวมันพองๆ กลมบ็อก ดูแล้วน่ารักดี แต่ไม่ใช่ชนิดที่เราจะกล่าวถึงครับ ปลาปักเป้านั้นแท้จริงแล้วมันไม่ได้น่ารัก น่าเอ็นดูเหมือนกับรูปร่างของมัน หากแท้จริงแล้วมันเป็นปลากินเนื้อหรือปลาล่าเหยื่อตัวฉกาจเลยครับ บางชนิดชอบกินปลาเล็ก บางชนิดชอบสัตว์เปลือกแข็ง อย่างหอยหรือปูตัวเล็กๆ ก็มีครับ ปลาปักเป้านั้นมีทั้งชนิดที่ไม่มีพิษและชนิดที่มีพิษครับ สำหรับชนิดที่มีพิษนั้น พิษของมันไม่ได้อยู่ที่อวัยวะโจมตีภายนอกครับ หากแต่พิษนั้นอยู่ส่วนใต้เนื้อของมันเอง เป็นกลไกธรรมชาติที่เอาไว้ป้องกันจากสัตว์นักล่าที่อยู่ในห่วงอาหารที่สูงกว่า ถ้ากินมันเข้าไปละก็ จอดลูกเดียวครับ กฎแห่งการวิวัฒนาการก็เลยต้องมอบพิษให้มัน เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว จากสัตว์นักล่านั่นเองครับ
อันดับ 10 ปลาปักเป้า (Puffer Fish)
.....พูดถึงปลาปักเป้าแล้ว คิดว่าส่วนใหญ่ทุกคนก็คงจะเคยเห็น หรืออาจจะเคยซื้อมาเลี้ยงจากจตุจักรตัวละ 5-10 บาท ตัวมันพองๆ กลมบ็อก ดูแล้วน่ารักดี แต่ไม่ใช่ชนิดที่เราจะกล่าวถึงครับ ปลาปักเป้านั้นแท้จริงแล้วมันไม่ได้น่ารัก น่าเอ็นดูเหมือนกับรูปร่างของมัน หากแท้จริงแล้วมันเป็นปลากินเนื้อหรือปลาล่าเหยื่อตัวฉกาจเลยครับ บางชนิดชอบกินปลาเล็ก บางชนิดชอบสัตว์เปลือกแข็ง อย่างหอยหรือปูตัวเล็กๆ ก็มีครับ ปลาปักเป้านั้นมีทั้งชนิดที่ไม่มีพิษและชนิดที่มีพิษครับ สำหรับชนิดที่มีพิษนั้น พิษของมันไม่ได้อยู่ที่อวัยวะโจมตีภายนอกครับ หากแต่พิษนั้นอยู่ส่วนใต้เนื้อของมันเอง เป็นกลไกธรรมชาติที่เอาไว้ป้องกันจากสัตว์นักล่าที่อยู่ในห่วงอาหารที่สูงกว่า ถ้ากินมันเข้าไปละก็ จอดลูกเดียวครับ กฎแห่งการวิวัฒนาการก็เลยต้องมอบพิษให้มัน เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว จากสัตว์นักล่านั่นเองครับ
วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ฉลามขาวยักษ์ (The Great White Shark)
.....บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ ฉลามขาวยักษ์ (The Great White Shark) กันครับ ฉลามที่เป็นอันตรายที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยรู้จักกันมาทีเดียวครับ และอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารของสัตว์ทะเล ขอขยายความอีกหน่อยครับ ปลาฉลามที่ตัวใหญ่ที่สุดในท้องทะเลในเวลานี้ ต้องยกตำแหน่งให้ ฉลามวาฬ ครับ แต่ถ้าหากเป็นปลานักล่าเหยื่อแล้วละก็ ฉลามขาวยักษ์เป็นก็ผู้ครอบครองตำแหน่งนี้ไป ในอดีตนั้น โดยปกติแล้ว ขนาดของเจ้าฉลามขาวยักษ์ที่มีการจับกันมาได้นั้น จะยาวประมาณ 4-5 เมตร จากหัวถึงปลายหาง น้ำหนักก็ประมาณ 1.2 – 1.7 ตันครับ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีการจับฉลามขาวยักษ์ที่มีขนาด 6.1 เมตรกว่า หนักถึง 2.8 ตัน ได้
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
6 อันดับสัตว์ร่างกายโปร่งแสง
.....กลับมาเจอกับบทความจัดอันดับสัตว์กันอีกแล้วครับ ช่วงนี้ทำบทความแบบนี้ค่อนข้างบ่อย แต่ก็น่าสนใจ สำหรับคราวนี้จะนำเสนอเรื่อง 6 อันดับสัตว์ที่มีร่างกายโปร่งแสงครับ ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ จะมีสัตว์ชนิดไหนบ้างนั้น เรามาติดตามดูกันครับ
อันที่ 1 กบแก้ว (Glass Frog)
.....เจ้ากบอ๊บ อ๊บ โปร่งแสงตัวนี้ อาศัยอยู่ในถิ่นแถบอเมริกาใต้ มีด้วยกันอยู่หลายชนิด ก็ตามชื่อมันนั่นแหละครับ ที่ได้ชื่อว่ากบแก้ว ก็มาจากร่างกายที่โปร่งใสจนสามารถมองทะลุไปเห็นตับไตไส้พุงของมันนั่นเอง เจ้ากบตัวนี้มีขนาดลำตัวประมาณ 3 – 8 เซนติเมตร ตัวเล็กจ้อยเลยว่างั้น ลำตัวออกสีเขียวแก่ไปจนถึงเขียวอ่อน แต่ก็ใสจนสามารถมองเห็นอวัยวะภายในได้ชัดเจน อาหารของมันก็ได้แก่สัตว์หรือแมลงที่ตัวเล็กกว่า แม้กระทั่งกบเล็กหรือลูกมันเอง ก็กินหมดครับ โหดไม่ใช่เล่น
อันที่ 1 กบแก้ว (Glass Frog)
.....เจ้ากบอ๊บ อ๊บ โปร่งแสงตัวนี้ อาศัยอยู่ในถิ่นแถบอเมริกาใต้ มีด้วยกันอยู่หลายชนิด ก็ตามชื่อมันนั่นแหละครับ ที่ได้ชื่อว่ากบแก้ว ก็มาจากร่างกายที่โปร่งใสจนสามารถมองทะลุไปเห็นตับไตไส้พุงของมันนั่นเอง เจ้ากบตัวนี้มีขนาดลำตัวประมาณ 3 – 8 เซนติเมตร ตัวเล็กจ้อยเลยว่างั้น ลำตัวออกสีเขียวแก่ไปจนถึงเขียวอ่อน แต่ก็ใสจนสามารถมองเห็นอวัยวะภายในได้ชัดเจน อาหารของมันก็ได้แก่สัตว์หรือแมลงที่ตัวเล็กกว่า แม้กระทั่งกบเล็กหรือลูกมันเอง ก็กินหมดครับ โหดไม่ใช่เล่น
ใสจนเห็นตับไตไส้พุงกันเลยทีเดียว |
วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ฉลามก็อบลิน (Goblin Shark)
...เมื่อคราวก่อนได้นำเสนอเรื่องราวของฉลามก่อนประวัติศาสตร์ หรือ ฉลามหกเหงือก (Frilled Shark) ไปแล้ว คราวนี้ขอนำเสนอ ฉลามก็อบลิน (Goblin Shark) บ้างครับ รูปร่างแปลกพอๆ กัน
...ฉลามก็อบลินค้นพบเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1897 ในทะเลซางามิใกล้กับโยโกฮาม่า โดยชาวประมงชาวญี่ปุ่น ชื่อของมันนั้นถูกถอดคำมาจากภาษาญี่ปุ่นที่เรียกเจ้าฉลามชนิดนี้ว่า เท็นงูซาเมะ ที่ชาวประมงใช้เรียกมัน เนื่องจากเจ้าฉลามตัวนี้มีจมูกยาว เหมือนอสูรในตำนานของประเทศญี่ปุ่น จาก เท็นงู ก็แปลไปเป็น ก็อบลิน ในเวลาต่อมาครับ
...ฉลามก็อบลินเป็นฉลามน้ำลึก อาศัยอยู่ในทะเลเปิด ที่มีความลึกกว่า 300-1200 เมตร เรียกได้ว่าลึกมากเลยทีเดียว มันไม่ค่อยได้เข้ามายังชายฝั่งให้เราได้เห็นตัวกันง่ายๆ ส่วนใหญ่พบได้ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ออสเตรเลีย อ่าวเม็กซิโก โปรตุเกสก็เคยมีบันทึกว่าจับเจ้าฉลามก็อบลินนี่ได้เหมือนกันครับ แต่ที่จับกันมาได้นั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากเรือประมงญี่ปุ่นแทบทั้งสิ้น ชาวญี่ปุ่นนี่หาปลาได้เก่งไม่ใช่เล่นเลยทีเดียวครับ ปลาวาฬก็ล่า ปลาฉลามก็จับ ปลาทะเลก็กิน สมเป็นลูกทะเลจริงๆ
...ฉลามก็อบลินเป็นฉลามน้ำลึก อาศัยอยู่ในทะเลเปิด ที่มีความลึกกว่า 300-1200 เมตร เรียกได้ว่าลึกมากเลยทีเดียว มันไม่ค่อยได้เข้ามายังชายฝั่งให้เราได้เห็นตัวกันง่ายๆ ส่วนใหญ่พบได้ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ออสเตรเลีย อ่าวเม็กซิโก โปรตุเกสก็เคยมีบันทึกว่าจับเจ้าฉลามก็อบลินนี่ได้เหมือนกันครับ แต่ที่จับกันมาได้นั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากเรือประมงญี่ปุ่นแทบทั้งสิ้น ชาวญี่ปุ่นนี่หาปลาได้เก่งไม่ใช่เล่นเลยทีเดียวครับ ปลาวาฬก็ล่า ปลาฉลามก็จับ ปลาทะเลก็กิน สมเป็นลูกทะเลจริงๆ
คาไซเร็กซ์ (Kasai Rex)
.....กลับมาพบกับบทความสัตว์ลึกลับอีกเช่นเคยครับ คราวนี้เอาของเก่ามากินใหม่อีกแล้วครับ บทความเรื่องนี้เคยทำไว้เมื่อ 5-6 ปีมาแล้ว สมัยยังอยู่ในเวบ Myth วันนี้ขอนำกลับมาปัดฝุ่นใหม่ครับ แต่ก็ยังคงเดิมไว้ซึ่งเนื้อหาและถ้อยคำ ที่ตอนแรกตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงบ้างเพื่อความเหมาะสม แต่คิดอีกไม่เปลี่ยนดีกว่าครับ เพื่อความคลาสสิคของต้นฉบับเอง แหม ว่าเข้านั่นครับ ไม่เสียเวลาล่ะ เชิญผู้ชมติดตามอ่านได้เลยครับ
**********
.....ถ้าเอ่ยถึงชื่อ คาไซเร็กซ์ ขึ้นมา หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคือตัวอะไร หรือสงสัยว่ามันอาจจะเป็นไดโนเสาร์ประเภทเดียวกันกับ ทีเร็กซ์ หรือ ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ (Tyrannosaurus Rex) ราชาไดโนเสาร์กินเนื้อแห่งโลกล้านปีอะไรนั่นหรือเปล่า ก็เห็นมีคำว่า เร็กซ์ๆ เหมือนกันอะไรประมาณนั้น ครับ บางทีคาไซเร็กซ์อาจจะเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์เดียวกัน หรือใกล้เคียงกันกับทีเร็กซ์ก็เป็นได้ ไม่ก็อาจจะเป็นเจ้าตัวทีเร็กซ์ เองเลย ที่ยังเหลือรอดชีวิตมาจากยุคจูราสสิคมาสู่ยุคปัจจุบันนี้ ถ้าอยากรู้ว่าคาไซ เร็กซ์คือตัวอะไร อันนี้เชิญติดตามได้เลยครับ
**********
.....ถ้าเอ่ยถึงชื่อ คาไซเร็กซ์ ขึ้นมา หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคือตัวอะไร หรือสงสัยว่ามันอาจจะเป็นไดโนเสาร์ประเภทเดียวกันกับ ทีเร็กซ์ หรือ ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ (Tyrannosaurus Rex) ราชาไดโนเสาร์กินเนื้อแห่งโลกล้านปีอะไรนั่นหรือเปล่า ก็เห็นมีคำว่า เร็กซ์ๆ เหมือนกันอะไรประมาณนั้น ครับ บางทีคาไซเร็กซ์อาจจะเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์เดียวกัน หรือใกล้เคียงกันกับทีเร็กซ์ก็เป็นได้ ไม่ก็อาจจะเป็นเจ้าตัวทีเร็กซ์ เองเลย ที่ยังเหลือรอดชีวิตมาจากยุคจูราสสิคมาสู่ยุคปัจจุบันนี้ ถ้าอยากรู้ว่าคาไซ เร็กซ์คือตัวอะไร อันนี้เชิญติดตามได้เลยครับ
วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
สไปโนซอรัส อีจิพติคัส (Spinosaurus Aegypticus)
.....จากคราวก่อนที่เคยนำเสนอ 10 อันดับไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไปแล้ว และแชมป์ก็คือ สไปโนซอรัส อีจิพติคัส (Spinosaurus Aegypticus) เจ้ากิ้งก่ามีแผงหลังยักษ์ใหญ่นั่นเองครับ สำหรับบทความนี้จะเป็นส่วนขยายเพิ่มเติมรายละเอียดกันอีกซักเล็กน้อยครับ พร้อมแล้วเชิญชมได้เลยครับ
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia ไฟลัม: Chordata ชั้น: Reptilia อันดับใหญ่: Dinosauria อันดับ: Saurischia อันดับย่อย: Theropoda วงศ์: Spinosauridae วงศ์ย่อย: Spinosaurinae ตระกูล: Spinosuarus
..สไปโนซอรัส อีจิพติคัส หรือที่อาจจะคุ้ยเคยกันในชื่อ สไปโนซอรัส กิ้งก่ายักษ์นักล่าจากยุคดึกดำบรรพ์ ที่มาจากภาพยนตร์ จูราสสิค พาร์ค 3 นั่นเองครับ สไปโนซอรัสนั้นถูกขุดค้นพบซากฟอสซิลครั้งแรกในปี ค.ศ.1910 ที่ผ่านมา จากประเทศอียิปต์ครับ และถูกนำวิจัยและรายงานตีพิมพ์ทางวิชาการเป็นครั้งแรก ก็เมื่อ ปี ค.ศ.1915 โดยนักบรรพชีวินวิทยาชาวเยอรมัน เอินร์ส สโตรเมอร์ (Ernst Stromer) พร้อมทั้งซากฟอสซิลที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบกันมาเลยทีเดียวครับ
วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
5 อันดับสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก
.....กลับมาเจอบทความสัตว์โลกน่ารักกันอีกแล้วนะครับ กับ 5 สุดยอดนักวิ่ง สำหรับบทความนี้จะนำเสนอเรื่องอันดับของสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก โดยจัดอันดับจากสัตว์บกและวิ่งสี่เขาเท่านั้นครับ ไม่เกริ่นเยอะละครับ มาลองดูผู้ที่เข้ามาในแต่ละอันดับกันเลยครับ ว่าเป็นสัตว์ชนิดไหน เริ่มจากอันดับที่รั้งท้ายก่อนเลย
อันดับที่ 5 กวางทอมสัน กาเซลล์ (Thomson’s Gazelle)
อันดับที่ 4 วิวเดอร์บีสท์ (Wildebeest)
Speed : ความเร็วในการวิ่ง 75-80 กิโลเมตร / ชั่วโมง
อันดับที่ 5 กวางทอมสัน กาเซลล์ (Thomson’s Gazelle)
Speed : ความเร็วในการวิ่ง : 81 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
.....ทอมสัน กาเซลล์ หรือชื่อที่เราคุ้นเคยกันดีว่า กวางกาเซลล์ นั้นวิ่งเข้ามาอยู่อันดับที่ 5 ครับ เป็นสัตว์ในตระกูลกวาง โดยชื่อของมันถูกตั้งขึ้นตามชื่อของนักสำรวจและนักธรณีวิทยาชาวสก็อตแลนด์ โจเซฟ ทอมสัน (Joseph Thomson) กาเซลล์ รูปร่างเมื่อโตเต็มวัยของตัวผู้มีความสูงถึงหัวไหล่เฉลี่ยประมาณ 3 ฟุต น้ำหนัก 23 – 28 กิโลกรัม ไม่นับรวมเขา ขนสีน้ำตาลปกคลุมทั่วลำตัว ลายขาวพาดดำบริเวณท้อง เขายาวโค้งไปข้างหลัง สำหรับตัวเมียแล้วจะเล็กกว่านิดหน่อยและไม่มีเขา เจ้ากาเซลล์มักถูกเสือชีตาห์เล็งให้เป็นเหยื่ออันดับต้นๆ แต่เนื่องด้วยมีน้ำอดน้ำทนในการวิ่งที่นานกว่าเสือชีตาห์ จึงทำให้การจับกาเซลล์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กาเซลล์นั้นมีประสาทหูที่ดีมาก แค่เพียงเสียงแหวกพงหญ้า มันก็สามารถได้ยินได้ ซึ่งที่มันมีประสาทหูที่ดีนั้น เนื่องจากจะได้เอาไว้จับการคลื่นไหวของนักล่าก่อนที่จะมาเข้าใกล้ระยะประชิดตัวนั่นเอง กาเซลล์นั้นอาศัยกระจายอยู่ทั่วไปในประเทศเคนยา และแทนซาเนีย ทวีปแอฟริกา ในอดีตเคยมีรายงานว่า กาเซลล์ นั้นมีอยู่ประมาณ 500,000 ตัว แต่จากรายงานล่าสุดในปัจจุบันนี้ มันมีจำนวนเหลือไม่ถึงครึ่งแล้วครับ เนื่องจากสาเหตุหลายปัจจัย เช่น มนุษย์รุกราน การสูญเสียถิ่นฐานอาศัย และการล่าสัตว์
.....ทอมสัน กาเซลล์ หรือชื่อที่เราคุ้นเคยกันดีว่า กวางกาเซลล์ นั้นวิ่งเข้ามาอยู่อันดับที่ 5 ครับ เป็นสัตว์ในตระกูลกวาง โดยชื่อของมันถูกตั้งขึ้นตามชื่อของนักสำรวจและนักธรณีวิทยาชาวสก็อตแลนด์ โจเซฟ ทอมสัน (Joseph Thomson) กาเซลล์ รูปร่างเมื่อโตเต็มวัยของตัวผู้มีความสูงถึงหัวไหล่เฉลี่ยประมาณ 3 ฟุต น้ำหนัก 23 – 28 กิโลกรัม ไม่นับรวมเขา ขนสีน้ำตาลปกคลุมทั่วลำตัว ลายขาวพาดดำบริเวณท้อง เขายาวโค้งไปข้างหลัง สำหรับตัวเมียแล้วจะเล็กกว่านิดหน่อยและไม่มีเขา เจ้ากาเซลล์มักถูกเสือชีตาห์เล็งให้เป็นเหยื่ออันดับต้นๆ แต่เนื่องด้วยมีน้ำอดน้ำทนในการวิ่งที่นานกว่าเสือชีตาห์ จึงทำให้การจับกาเซลล์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กาเซลล์นั้นมีประสาทหูที่ดีมาก แค่เพียงเสียงแหวกพงหญ้า มันก็สามารถได้ยินได้ ซึ่งที่มันมีประสาทหูที่ดีนั้น เนื่องจากจะได้เอาไว้จับการคลื่นไหวของนักล่าก่อนที่จะมาเข้าใกล้ระยะประชิดตัวนั่นเอง กาเซลล์นั้นอาศัยกระจายอยู่ทั่วไปในประเทศเคนยา และแทนซาเนีย ทวีปแอฟริกา ในอดีตเคยมีรายงานว่า กาเซลล์ นั้นมีอยู่ประมาณ 500,000 ตัว แต่จากรายงานล่าสุดในปัจจุบันนี้ มันมีจำนวนเหลือไม่ถึงครึ่งแล้วครับ เนื่องจากสาเหตุหลายปัจจัย เช่น มนุษย์รุกราน การสูญเสียถิ่นฐานอาศัย และการล่าสัตว์
อันดับที่ 4 วิวเดอร์บีสท์ (Wildebeest)
Speed : ความเร็วในการวิ่ง 75-80 กิโลเมตร / ชั่วโมง
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
คองกาเมโต้ วิหคสายฟ้า (Kongamato)
.....วันนี้มีโอกาสจัดเรียงไฟล์ในคอมใหม่ เปิดไปเปิดมาก็เจอบทความเก่าๆ ที่เคยทำไว้เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นก็ได้ส่งไปลงเวบ Myth ของคุณโซนิค และได้เขียนประจำอยู่คอลัมภ์พวกสัตว์ประหลาดอะไรเทือกนี้ ก็ละๆ ทำๆ เรื่อยมาครับ วันนี้พอดีเปิดเจอ สบโอกาสจึงเอามาลงซะเลยครับ ภาษาที่ใช้สมัยนั้นยังเป็นวันรุ่นอยู่เลย เอาไว้มีโอกาสจะปรับปรุงบทความนี้ใหม่ครับ ไม่รอช้าครับ ไปชมกันเลย
***************
งานสมัยเคยลงในเวบ Myth
.....เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของไดโนเสาร์อีกเช่นกันครับ แต่จะเป็นชนิดไหนนั้นอ่านเอาได้เลยกับ คองโต้ ขอเรียกสั้นๆ ว่างี้ก็แล้วกัน แต่บางคนอาจจะนึกไปถึงก็องโต้ หึหึ เรื่องราวการพบเห็นคองโต้ครั้งแรกนั้น เริ่มมาจากเมื่อ ปี ค.ศ.1932 แน่ะครับ จากบันทึกของ เพอร์ซีย์ สเลเดน (Percy Sladen) จอร์จ (George) และ แซนเดอร์สัน (T. Sanderson) นักสัตววิทยาและนักเขียนที่ถูกจ้างจากพิพิธภัณฑ์อังกฤษ (British Museum) ให้เดินทางไปแอฟริกาตะวันตกเพื่อทำธุระให้ทางพิพิธภัณฑ์
***************
งานสมัยเคยลงในเวบ Myth
.....เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของไดโนเสาร์อีกเช่นกันครับ แต่จะเป็นชนิดไหนนั้นอ่านเอาได้เลยกับ คองโต้ ขอเรียกสั้นๆ ว่างี้ก็แล้วกัน แต่บางคนอาจจะนึกไปถึงก็องโต้ หึหึ เรื่องราวการพบเห็นคองโต้ครั้งแรกนั้น เริ่มมาจากเมื่อ ปี ค.ศ.1932 แน่ะครับ จากบันทึกของ เพอร์ซีย์ สเลเดน (Percy Sladen) จอร์จ (George) และ แซนเดอร์สัน (T. Sanderson) นักสัตววิทยาและนักเขียนที่ถูกจ้างจากพิพิธภัณฑ์อังกฤษ (British Museum) ให้เดินทางไปแอฟริกาตะวันตกเพื่อทำธุระให้ทางพิพิธภัณฑ์
วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
เวลโลซิแร็พเตอร์
….กลับมาพบบทความเกี่ยวกับไดโนเสาร์อีกเช่นเคยครับ พอดีเมื่อวานได้ชมภาพยนตร์เรื่อง จูราสสิค พาร์ค ภาคแรก ถึงจะดูมาเป็นสิบรอบแล้วก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับโลกยุคจูราสสิคที่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก เนรมิตขึ้นมาอยู่ทุกครั้งเลยครับ เป็นเรื่องที่ยังหยิบยกมาดูได้เรื่อยๆ แม้ในปัจจุบัน สำหรับไดโนเสาร์เด่นๆ ในเรื่องก็เห็นจะหนีไม่พ้นเจ้าไดโนเสาร์ยักษ์ใหญ่ ทีเร็กซ์ กับไดโนเสาร์นักล่า เวลโลซิแร็พเตอร์ นี่แหละครับ สำหรับบทความนี้เราจะมากล่าวถึงเจ้าเวลโลซิแร็พเตอร์โดยเฉพาะครับ ทีเร็กซ์เอาไว้คราวหน้าครับ ข้อมูลคร่าวๆ ของ เวลโลซิแร็พเตอร์ มันถูกจัดอยู่ในวงศ์ย่อยของ เวลโลซิแร็พทอริแน (Velocipatorinae) ซึ่งอยู่ในวงศ์ ดรอมาซอริแด (Dromaeosauridae) อีกชั้นหนึ่ง เจ้าเวลโลซิแร็พเตอร์นี้มีชีวิตอาศัยอยู่เมื่อประมาณ 70-85 ล้านปีมาแล้ว ในช่วงปลายของยุคครีเตเชียส และมีการค้นพบซากฟอสซิลเป็นครั้งแรกที่ประเทศมองโกเลียครับ ในปี ค.ศ. 1924 โดย ออสบอร์น เฮ็นรี่ นักบรรพชีวินวิทยาและชีววิทยาชาวอเมริกัน
กุสตาฟ จระเข้ยักษ์แห่งบุรุนดี
.....บทความคราวนี้เป็นเรื่อง จระเข้ยักษ์แห่งประเทศบุรุนดี นามว่า “กุสตาฟ” ครับ เจ้าจระเข้ กุสตาฟ (Gustave the killer, Gustave the crocodile) เป็นจระเข้เพศผู้ อาศัยอยู่ในแม่น้ำไนล์ แถบประเทศบุรุนดี ทวีปแอฟริกา เป็นจระเข้เพชรฆาตที่คร่าชีวิตสิ่งมีชีวิตไปแล้วมากมาย คาดกันว่า กุสตาฟ นั้นมีอายุประมาณ 60 ปี ความยาวตั้งแต่หัวจรดหางโดยประมาณ 6 เมตร และน้ำหนักกว่า 1 ตัน ด้วยขนาดยักษ์ใหญ่เท่านี้ แม้แต่ฮิปโปตัวโตเต็มวัยก็ยังไม่กล้ายุ่งกับมันเลยครับ กล่าวกันว่าอาณาเขตหากินของ กุสตาฟ นั้น ท่องไปตาม แม่น้ำรุซิซี่ (Ruzizi River) จรดถึง ทะเลสาบทังกันยิกา (Lake Tanganyika) ซึ่งเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตรเลยทีเดียว กุสตาฟ นั้นเป็นจระเข้กินคนครับ กล่าวกันว่ามันสังหารมนุษย์ไปแล้วกว่า 300 คน ที่รอดมาได้แต่ร่างกายพิการ ก็อีกเป็นจำนวนมาก และนอกจากมนุษย์แล้ว ตัววิลเดอร์บีสท์ หรือแม้แต่ฮิปโปที่เป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่จระเข้ไม่กล้าตอแยด้วยก็ยังไม่กล้าเสี่ยงกับ กุสตาฟ บางครั้งแม้แต่ฮิปโปตัวโตเต็มวัยแล้ว ก็ยังตกเป็นเหยื่ออันโอชะของเจ้ากุสตาฟได้ด้วยซิครับ นาม “กุสตาฟ” นั้น แพททริซ เฟย์ (Patrice Faye) พรานชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในบุรุนดีเป็นคนตั้งให้ครับ
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
Funny Photo : Click 7 - Cyborg Animals
.....พบกันภาพน่ารัก ดูแล้วอมยิ้มกันอีกครั้งครับกับ ตอนที่ 7 ครับ เคยคิดกันบ้างมั๊ยครับ ว่าถ้าสัตว์ที่เรารู้จักกันดีนั้น ถูกดัดแปลงกลายเป็นหุ่นไซบอร์กขึ้นมา มันจะมีรูปร่างประหลาดขนาดไหนกัน ว่าแล้วอย่ารอช้าครับ เราไปชมกันเลยดีกว่า ว่ามีสัตว์ชนิดไหนกันบ้าง