วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

10 อันดับสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก

......พบกันอีกเช่นเคยครับ กับบทความมีสาระบ้าง ไม่มีบ้าง ปนๆ กันไปครับ สำหรับบทความคราวนี้จะนำเสนอเรื่องของสัตว์มีพิษ 10 ชนิดครับ ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ บ้างก็ใช้พิษเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวจากนักล่า บ้างก็มีพิษเอาไว้เพื่อล่าเสียเอง ในทางวิชาการนั้น มีการนำพิษมาใช้กับหนูทดลอง เพื่อให้ได้ค่าดัชนีความร้ายแรงของพิษว่ามีถึงระดับใด วิธีนี้เรียกว่า Median Lethal Dose โดยใช้การป้อนไปเข้าไปในร่างกายของหนูทดลองหรือการให้สัมผัสโดยตรง แล้วดูเทียบปริมาณที่ใช้ไปกับแต่ละตัวอย่างทดลอง ก็จะได้ดัชนีนี้ออกมาครับ สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ครับ แต่วิธีทดลองนี้ก็ไม่ได้ครอบคลุมไปทั้งหมด เพราะพิษแต่ละชนิดนั้นอาจจะออกอาการแตกต่างกันไปตามชนิดของพิษ เอาละครับไม่เกริ่นยืดยาวละ เรามาดูผู้เข้ารอบในแต่ละอันดับเลยครับ

อันดับ 10 ปลาปักเป้า (Puffer Fish)
.....พูดถึงปลาปักเป้าแล้ว คิดว่าส่วนใหญ่ทุกคนก็คงจะเคยเห็หรืออาจจะเคยซื้อมาเลี้ยงจากจตุจักรตัวละ 5-10 บาท ตัวมันพองๆ กลมบ็อก ดูแล้วน่ารักดี แต่ไม่ใช่ชนิดที่เราจล่าวถึงครับ ปลาปักเป้านั้นแท้จริงแล้วมันไม่ได้น่ารัก น่าเอ็นดูเหมือนกับรูปร่างของมัน หากแท้จริงแล้วมันเป็นปลากินเนื้อหรือปลาล่าเหยื่อตัวฉกาจเลยครับ บางชนิดชอบกินปลาเล็ก บางชนิดชอบสัตว์เปลือกแข็ง อย่างหอยหรือปูตัวเล็กๆ ก็มีครับ ปลาปักเป้านั้นมีทั้งชนิดที่ไม่มีพิษและชนิดที่มีพิษครับ สำหรับชนิดที่มีพิษนั้น พิษของมันไม่ได้อยู่ที่อวัยวะโจมตีภายนอกครับ หากแต่พิษนั้นอยู่ส่วนใต้เนื้อของมันเอง เป็นกลไกธรรมชาติที่เอาไว้ป้องกันจากสัตว์นักล่าที่อยู่ในห่วงอาหารที่สูงกว่า ถ้ากินมันเข้าไปละก็ จอดลูกเดียวครับ กฎแห่งการวิวัฒนาการก็เลยต้องมอบพิษให้มัน เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว จากสัตว์นักล่านั่นเองครับ

.....ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีกา
รนำเจ้าปักเป้าพิษมาบริโภคกันอยู่ครับ เขาเรียกอาหารที่ทำจากเนื้อปลาปักเป้าพิษว่า ฟูกุ (Fugu) แล่กินกันดิบๆ เลยนั่นแหละครับ เชฟชำนาญจะนำปลาปักเป้ามาปรุงอาหารให้ลูกค้ารับประทานได้นั้น จะต้องมีใบประกาศอนุญาตการประกอบอาหารจากปลาปักเป้าพิษ กันเป็นเรื่องเป็นราวทีเดียวครับ ไม่ใช่เอาตาแป๊ะขายหมูที่ไหนมาทำให้กินได้นะครับ

.....แต่ก็ต้องมีการระมัดระวังกันอย่างมากครับ เพราะหากแล่เนื้อไม่ดีแล้วละก็ อาจพลาดไปทำให้ต่อมพิษแตกกระจายไปในเนื้อได้ครับ มาว่ากันถึงพิษของปลาปักเป้า หากคนเราได้รับเข้าไปในปริมาณหนึ่งแล้ว ก็จะทำให้เกิดอาการชาที่ลิ้นและริมฝีปาก จากนั้นลิ้นจะเริ่มแข็ง อาเจียน หัวใจเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ หายใจลำบาก และเริ่มเป็นอัมพาตตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และตามด้วยการเสียชีวิตในเวลาต่อมา ไม่เกิน 4 ชั่วโมงถึง 1 วัน….ผู้ที่กินแล้วมีอาการแบบนี้ ก็เตรียมตัวสวัสดีท่านยมฯ ได้เลยครับ สำหรับยาแก้พิษ ในปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้ครับ คร่าวๆ ครับ สำหรับเจ้าปลาปักเป้าพิษ เรามาต่อกันที่ผู้เข้าอันดับตัวต่อไปกันเลยครับ

อันดับ
9 กบลูกดอก (Poison Dart Frog
).....ต่อจากปลาเมื่ออันดับที่แล้ว อันดับนี้เป็นของ กบ ครับ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำตัวกระจ้อยร้อย แต่ความน่ากลัวของมันไม่ได้อยู่ที่ขนาดครับ แต่เป็นพิษของมันซึ่งอาจกล่าวได้ว่า มันอาจจะเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกก็ว่าได้ครับ กบลูกดอก (Poison Dart Frog) นั้น มีถิ่นฐานอาศัยอยู่ตาม ห้วย หนอง คลอง บึง ในบริเวณป่าฝนเขตร้อน พบแถบเมริกาใต้ จนไปถึงบราซิล โบลิเวีย คอสตาริก้า เอกวาดอร์ เปรู เป็นต้นครับ รูปร่างเล็กกระจิ๋วหลิวดูน่ารัก มีสีสันสวยสดงามทีเดียวครับ เหลืองบ้าง เขียวบ้าง น้ำเงินบ้าง แดงบ้าง อันนี้แล้วแต่ชนิดของเจ้ากบลูกดอก ซึ่งก็มีด้วยกันอยู่หลายพันธุ์ครับ ขนาดตัวของกบลูกดอกนั้น เมื่อโตเต็มที่ก็แค่ 5-6 เซนติเมตร น้ำหนักไม่ถึงกรัมเองครับ แน่นอนครับด้วยขนาดเล็กจิ๋วแค่นี้ จะให้อยู่รอดปลอดภัยในสิ่งแวดล้อมอันโหดร้าย ที่สัตว์ใหญ่ล่าสัตว์เล็กกินเป็นอาหาร ก็คงจะยากครับ ด้วยเหตุนี้ ธรรมชาติเลยให้มันวิวัฒนาการสร้างกลไกการป้องกันตัวเองขึ้นมา หรือสร้างพิษเพื่อป้องกันการล่าจากศัตรูตามธรรมชาตินั่นเอง แต่ในปัจจุบัน ศัตรูตามธรรมชาติของมันแทบจะไม่มีเลยครับเพราะด้วยพิษอันร้ายกาจของมันนั่นเอง พิษของเจ้ากบชนิดนี้ ร้ายแรงแค่ไหน ? เอาเป็นว่า ถ้าเราเอาเข็มเย็บผ้ามาจุ่มพิษของมันแล้วยกเข็มขึ้น ด้วยปริมาณพิษแค่ปลายเข็มนั้น ประมาณไม่ถึง 2 ไมโครมิลลิกรัม ก็สามารถฆ่ามนุษย์ได้หลายสิบคนแล้วครับ น่ากลัวไม่ใช่เล่น พิษของเจ้ากบลูกดอกนี้ถูกเก็บอยู่ภายใต้ผิวหนังสีสวยของมัน ถ้าคนหรือสัตว์ตัวไหนเผลอไปจับหรือโดนมันเข้าละก็ มีอันตรายถึงชีวิตทีเดียวครับ สำหรับในบ้านเรา ผมเองก็เคยเห็นเจ้ากบลูกดอกนี่ตัวเป็นๆ เหมือนกันครับ มีพ่อค้าเคยนำเข้ามาขายอยู่ระยะนึง แต่ปัจจุบันนี้ไม่เห็นร้านไหนนำมาขายแล้ว อาจจะเป็นเพราะมันมีอันตรายค่อนข้างมาก บรรดาพ่อค้าก็เลยเลิกนำเข้าไปโดยปริยาย อ้อ ถ้าเกิดใครผ่านไปเห็นยังมีนำมาขายอยู่ ก็อย่าคิดที่จะซื้อไปเลี้ยงนะครับ อันตรายมากทีเดียว

อันดับ 8 งูไทปัน (Taipan Snake)
.....มาที่อันดับต่อไปกันเลยครับ อันดับที่ 8 นี้เป็นของ งูไทปัน (Inland Taipan Snake) งูพิษที่กล่าวกันว่ามันมีพิษร้ายแรงที่สุดในหมู่งูบนบกด้วยกัน เจ้างูชนิดนี้ มีถิ่นฐานอาศัยอยู่ในออสเตรเลียครับ รูปร่างเรียวยาว ลำตัวปกคลุมด้วยเกร็ดขนาดเล็ก ความยาววัดได้ตั้งแต่ 3-5 เมตรขึ้นไปสำหรับงูวัยรุ่น จนถึงงูที่โตเต็มวัย สีลำตัวมีตั้งแต่ ขาว น้ำตาล ไปจนถึงสีดำ และส่วนมากจะมีการปรับสีผิวให้เข้กับฤดูหรือถิ่นที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกันครับ งูไทปันนั้น ถึงแม้จะมีพิษร้ายแรง แต่มันเป็นงูที่ขี้อายและไม่ก้าวร้าวครับ ไม่โจมตีก่อน นอกจะล่าเหยื่อ ถ้าไม่รุกล้ำใกล้ระยะประชิดของมันแล้วละก็ เจ้างูไทปันก็มักจะเลื้อยหนีไปเองครับ แต่ถ้าหากมันเกิดอยากจู่โจมแล้วละก็ เหยื่อมักจะรอดยากครับ มักจะเสียชีวิตจากพิษที่มาจากการกัดของมันนั่นเอง จากการทดลองพิษของงูไทปันที่ใช้จู่โจมเหยื่อนั้น ปริมาณของพิษจากการกัดหนึ่งครั้งนั้นสามารถฆ่ามนุษย์ได้เป็นร้อยคน หรือถ้าเป็นหนูก็ราวสองแสนกว่าตัวครับ และพิษของงูไทปันนั้นร้ายแรงกว่างูเห่า 200 ถึง 400 เท่า ถ้าถูกกัดเข้าแล้วละก็ โอกาสเสียชีวิตภายในไม่ถึงชั่วโมงมีสูงมากครับ อาหารของงูไทปัน ก็ได้แก่สัตว์ฟันแทะตัวเล็กๆ ทั่วไปครับ เช่น หนู กระรอก และนกครับ พิษของงูไทปันนั้นประกอบด้วย นิวโรท็อกซิน (Neurotoxins) ซึ่งส่งผลต่อระบบประสาททำให้สั่งงานผิดปกติ โปรตีนโปรโคแอ็กกิวแลนท์ (Procoagulants) นั้นส่งผลให้เลือดไม่เกิดการแข็งตัว และไมโอท็อกซิน (Myotoxin) สารตัวนี้จะไปทำลายระบบกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อโดยตรง ทำให้เหยื่อเมื่อโดนกัดแล้ว มักจะไม่รอด ยิ่งเป็นสัตว์เล็กๆ อย่างหนู กระรอกนี่ ตายได้ภายในไม่กี่วินาทีเลยทีเดียวครับ และด้วยพิษอันร้ายแรงของเจ้างูไทปัน ทำให้มันเข้ามาติดอันดับ 10 สุดยอดได้อย่างไม่ยากเย็นครับ

อันดับ 7 แมงมุมพิษบราซิล (The Brazillian Wandering Spiders)
.....มาต่อกันที่สัตว์โลกน่ารักตัวนี้กันครับ ผู้เข้ารอบอันดับที่ 7 นี้ได้แก่ แมงมุมพิษบราซิล หรือ แมงมุมกล้วย ชื่อแมงมุมกล้วยนี่ก็ได้มาจากการพบมันบ่อยในเครือกล้วยนั่นเองครับ แมงมุมนี้สามารถพบได้ในเขตป่าฝนเขตร้อน แถบอเมริกาใต้ครับ นอกจากนั้นยังพบได้ในแถวประเทศบราซิล เวเนซุเอล่า เอกวาดอร์ เปรู ด้วยเช่นกันครับ ขนาดเมื่อโตเต็มที่มีประมาณ 4-5 นิ้ว ตัวสีน้ำตาล เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว รวดเร็ว กินสัตว์เล็กกว่าเป็นอาหาร เจ้าแมงมุมบราซิลนี้มีความก้าวร้าวและเป็นอันตรายสูงครับ มันจะไม่มีการถอยหนีเมื่อเจอภัยคุกคาม แต่จะต่อสู้กับศัตรูครับ ถึงแม้ว่าจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวมันก็ตาม ที่สำคัญ มันอาศัยปะปนอยู่ในบ้านเรือนของคนเสียด้วยซิครับ ตามตรอกซอกซอยในบ้านนี่แหล่งอันตรายเลยครับ มาดูกันถึงพิษของมันบ้างดีกว่า พิษของแมงมุมบราซิลประกอบไปด้วย นิวโรท็อกซิน ซึ่งเมื่อถูกกัดและฉีดเข้าทางร่างกาย เอ็นไซม์จะทำให้ระบบประสาทสูญเสียการควบคุมตัว หายใจลำบาก ตามด้วยการเป็นอัมพาตบางส่วนของร่างกาย จากนั้นความเจ็บปวดจะเกิดขึ้นอย่างสุดขีดครับ อัตราการเสียชีวิตสูงหากส่งโรงพยาบาลและให้ยาแก้พิษไม่ทัน จากการวิจัยพบว่าเจ้าแมงมุมบราซิลนี้น่าจะมีพิษร้ายแรงที่สุดในหมู่แมงมุมด้วยกัน พิษเพียงแค่ 0.006 มิลลิกรัม ก็สามารถฆ่าหนูทดลองได้แล้วครับ เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างแน่นอนครับ และยิ่งมันอาศัยปะปนอยู่ในชุมชนของมนุษย์ในแต่ละประเทศที่มีการพบมันด้วยแล้ว ทำให้มีการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับแมงมุมประเภทนี้กันมากขึ้น เพื่อหาทางผลิตยาแก้พิษเอาไว้ เนื่องจากมีรายงานผู้เคราะห์ร้ายที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการโดนแมงมุมชนิดนี้กัดเป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี

อันดับ
6 ปลาหิน (Stone fish)

.....มาถึงผู้ที่เข้ามาอันดับนี้ ได้แก่ ปลาหิน ครับ
เจ้าปลาหินนี้จากการวิจัยพบว่ามันเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในบรรดาปลาด้วยกันเอง และเป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างมาก แต่เจ้าปลาหินนั้นปกติแล้วจะไม่โจมตีเหยื่อที่ใหญ่กว่าตัวมันครับ ในกรณีของมนุษย์นั้นจะโดนทำร้ายก็ต่อเมื่อเหยียบหรือสัมผัสกับแผงหนามพิษที่อยู่กลางหลังของมันเท่านั้น มีเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากนักล่าที่อยู่เหนือห่วงโซ่อาหารของตัวมันเอง โดยแผงหนามพิษของปลาหินนั้นจะมีสาร นิวโรท็อกซินอยู่ หากโดนทิ่มเข้าไปในร่างกาย ในขั้นแรก พิษจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ประสาทบางส่วนสูญเสียการควบคุม และเป็นอัมพาตในเวลาไม่นาน จากนั้นก็จะเกิดอาการช็อคตามมา และอาจถึงแก่ชีวิตได้ หากนำตัวไปรักษาไม่ทัน กล่าวกันว่าความเจ็บปวดที่เกิดจากหนามพิษของเจ้าปลาหินนี้นั้น เป็นความเจ็บปวดที่สุดเท่าที่มนุษย์เราจะรู้สึกได้เลยทีเดียวครับ ฟังดูแล้ว น่ากลัวเหมือนกันครับ

.....ขนาดเมื่อโตเต็มที่ของเจ้าปลาหินนั้นจะมีความยาวทั้งตัวประมาณ 30-40 เซนติเมตร ลำตัวปกคลุมไปด้วยอวัยวะที่ขรุขระ มีลักษณะคล้ายก้อนหิน อาศัยอยู่ตามพื้นทรายใต้ท้องทะเล ปลาหินจะไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก แต่เมื่อมันจะล่าเหยื่อ มันจะทำการซุ่มรอเหยื่อที่ว่ายผ่านมาแล้วจึงโจมตี อาหารของเจ้าปลาหินก็ได้แก่พวกสัตว์ที่ตัวเล็กกว่ามัน เช่น ปลา กุ้ง ปู พบเจอมากที่ทางเหนือของออสเตรเลียและแถบทะเลอินโดแปซิฟิก และการที่มันชอบอาหารอยู่ตามผืนทรายของแนวปะการัง และสีสันที่ดูเหมือนก้อนหิน ทำให้นักดำน้ำสังเกตมันได้ยาก จนทำให้สัมผัสหรือเหยียบโดนเจ้าปลาหินได้

อันดับ
5 แมงป่องเดธสตอล์คเกอร์ (Death Stalker
Scorpion)
.....มาถึงอันดับที่ 5 กันแล้วนะครับ อ่านกันมาก็นานทีเดียว สำหรับผู้เข้ารอบตัวนี้ได้แก่ แมงป่องเดธสตอล์คเกอร์ครับ สามารถพบได้ทั่วไปในแถบทะเลทรายทางเหนือของอเมริกา และกระจายอยู่ประเทศในแถบตะวันออกกลาง รูปร่างของเจ้าแมงป่องนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากแมงป่องทั่วไปครับ ขนาดเมื่อโตเต็มที่ จะมีความยาวประมาณ 9 – 12 เซนติเมตร สีลำตัวมีทั้งน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม อาหารของมันก็ได้แก่สัตว์ทั่วไปที่สามารถล่าได้ เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตน หนอน รวมไปถึงแมลงชนิดต่างๆ พิษของแมงป่องชนิดนี้ ประกอบไปด้วย นิวโรท็อกซินดังเช่น สัตว์มีพิษชนิดอื่นที่เข้ารอบกันมาครับ ส่วนพิษจะอยู่ในเข็มที่หาง ซึ่งจะใช้เมื่อล่าเหยื่อหรือป้องกันตัวเองจากศัตรู พิษของมันเจ้าแมงป่องเดธ สตอล์คเกอร์นั้น แน่นอนครับว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อมนุษย์ หากโดนพิษนี้เข้าไปในร่างกาย หากส่งไปรักษาตัวไม่ทัน หากเป็นเด็กหรือคนแก่ โอกาสเสียชีวิตมีสูงครับ แต่ตามบันทึกแล้วจำนวนคนที่เสียชีวิตจากการถูกแมงป่องชนิดนี้ทำร้าย นับว่ายังมีน้อยครับ พิษนิวโรท็อกซินที่พบในแมงป่องชนิดนี้นั้นในปัจจุบันก็ได้มีการนำมาศึกษาและวิจัยกันมากขึ้น เพื่อนำมาทำยารักษาโรคมะเร็งสมองและโรคเบาหวานครับ ในต่างประเทศนั้น ก็มีการเลี้ยงเจ้าแมงป่องชนิดนี้กันอยู่แพร่หลาย เหมือนในบ้านเราเองก็มีแมงป่องพันธุ์แปลกๆ เข้ามาขายอยู่เหมือนกันครับ

อันดับ
4 ปลาหมึกบลูริงหรือปลาหมึกวงแหวนน้ำเงิน (Blue-R
inged Octopus)
....สำหรับผู้เข้ารอบตัวนี้ มาจากท้องทะเลครับ มันคือเจ้าปลาหมึกบลูริงหรือปลาหมึกวงแหวนน้ำเงินนั่นเอง ถิ่นที่อยู่อาศัยของเจ้าปลาหมึกชนิดนี้ อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่มักพบมากแถวแนวปะการังแถบญี่ปุ่นและออสเตรเลียครับ จะว่าไปแล้วทวีปออสเตรเลียนี่เต็มไปด้วยสัตว์อันตรายอาศัยอยู่เต็มไปหมดเลยนะครับ ทั้งจระเข้น้ำเค็ม ฉลาม งูมีพิษชนิดต่างๆ ….มาเข้าเรื่องต่อครับ เจ้าปลาหมึกบลูริงนี้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก รูปร่างเหมือนก็ปลาหมึกทั่วไป ขนาดตัวเมื่อโตเต็มวัยจะอยู่ที่ประมาณ 12-20 เซนติเมตร ผิวหนังมีวงแหวนสีน้ำเงินปรากฏอยู่ทั่วตัว เมื่อมันโกรธสีลำตัวจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มและพร้อมที่จะโจมตีเหยื่อหรือศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าก็ตามครับ อาหารของเจ้าปลาหมึกบลูริงนี้ก็เช่น กุ้ง ปู ปลา มาว่ากันที่พิษของเจ้าปลาหมึกชนิดนี้กันบ้างครับ พิษของมันประกอบไปด้วยสาร นิวโรท็อกซิน เท็ทโทรโดท็อกซิน ไทรามิน ฮิสทามิน และ ด็อพพามิน เป็นต้นครับ ซึ่งสารมีพิษที่มีอยู่ในเจ้าปลาหมึกบลูริงนี้ ร้ายแรงกว่าสารพิษไซยาไนด์ประมาณ 10,000 เท่าเลยครับ การกัดของเจ้าปลาหมึกจิ๋วนี้ คนที่โดนกัดแทบจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดครับ แต่อาการที่ตามมาเมื่อพิษเข้าสู่ร่างกายนั้น ขั้นแรกจะเกิดอาการอัมพาตตามร่างกาย และเริ่มหายใจติดขัด เนื่องจากขาดออกซิเจน จนกระทั่งหายใจเองไม่ได้ ทำให้เกิดการเสียชีวิตตามมาในที่สุด แม้ในกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถผลิตยารักษาพิษของเจ้าปลาหมึกบลูริงนี้ได้ครับ ในบ้านเราเมื่อประมาณซัก 3-4 ปีก่อน ก็เคยมีการนำเจ้าปลาหมึกบลูริงนี้มาขายครับ ซึ่งอันตรายมากครับสำหรับสัตว์มีพิษแบบนี้ โดนกัดเข้าไปทีเดียวละก็ นอนสวดมนต์รอได้เลยครับ ไม่รอดแน่นอน แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการกวดขันสำหรับเรื่องการนำเอาสัตว์อันตรายเข้ามาขายอยู่พอสมควรครับ ทำให้การซื้อขายนั้นลดลง แต่ก็ยังไม่ใช่ว่าจะหมดเสียทีเดียวครับ ก็ต้องช่วยกันรณรงค์กันไม่ซื้อหรือสนับสนุนการซื้อขายแบบนี้ละครับ

อันดับ
3 หอยเต้าปูน (Cone shell)

.....สำหรับผู้เข้ารอบตัวนี้ มาจากท้องทะเลเช่นกัน มันคือหอยเต้าปูนลายหินอ่อนครับถิ่นที่อยู่อาศัยของเจ้าหอยเต้าปูนนี้พบมากในแถบชายฝั่งและแนวปะการัง ของทะเลอินโด
ปซิฟิก ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลลึกไม่กี่ฟุต ไปจนถึงท้องทะเลลึกกว่า 100 ฟุต รวมถึงทะเลไทยเราเองก็มีเจ้าหอยเต้าปูนนี้อาศัยอยู่ครับ หากพบเจอหอยลักษณะเช่นนี้ อย่าไปจับเชียวนะครับ อันตรายถึงชีวิตทีเดียว ลักษณะของหอยเต้าปูนนั้นเป็นหอยเปลือกเดี่ยว สีและลวดลายของเปลือกนั้นมีตั้งแต่สีน้ำตาล สีเหลืองแก่ สีน้ำตาลดำ รูปทรงกรวยโคน ทางปลายมีงวงยาวและฟันเป็นรูปกลวงเป็นท่อยิงเข็มน้ำพิษ เอาไว้เพื่อล่าเหยื่อหรือป้องกันตัวเองจากสัตว์นักล่าหรือมนุษย์ พิษเพียงหยดเดียวของหอยเต้าปูนลายหินอ่อนนั้นสามารถฆ่ามนุษย์ได้กว่า 20 คน หอยเต้าปูนนั้นใช้การดมกลิ่นเพื่อล่าเหยื่อ เมื่อพบแล้ว มันจะใช้วิธียิงเข็มพิษใส่เหยื่อครับ ซึ่งเมื่อเหยื่อถูกเข็มพิษแทงเข้าสู่ร่างกายแล้ว พิษของมันจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด และเป็นอัมพาตในบริเวณที่โดนพิษ คลื่นไส้และมีอาการวิงเวียน ตาพร่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียการควบคุมตามร่างกาย หายใจติดขัด และเสียชีวิตในที่สุด ตามรายงานที่มีการบันทึกเอาไว้ มีผู้ที่เสียชีวิตเพราะพิษจากหอยเต้าปูนประมาณ 30 คนครับ และในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มียาแก้พิษจากหอยเต้าปูนผลิตขึ้นมาครับ สำหรับหอยเต้าปูนนั้นมีด้วยกันอยู่หลายชนิด ทั้งชนิดกินปลา ชนิดกินหอย แยกย่อยซอยออกไปอีกหลายพันธุ์ครับ

อันดับ
2 งูเห่า (Cobra)

.....เข้ามาถึงอันดับที่ 2 กันแล้วนะครับ สำหรับเจ้าของอันดับนี้ก็ได้แก่ งูเห่า ครับ จัดเป็นงูที่มีความอันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก งูเห่ามีพิษร้ายแรง นิสัยก้าวร้าว พบได้มากในแถบทวีปเอเชีย และทวีปอื่นๆ ถิ่นอาศัยก็ตามป่าเขาทั่วไป ตามพื้นที่แห้งแล้งหรือร้อนชื้น งูเห่านั้นมีหลายชนิดครับ ทั้งงูเห่าไทย งูเห่าพ่นพิษ งูเห่าอินเดีย งูเห่าหม้อ โดยเฉลี่ยงูเห่า เป็นต้น เมื่อโตเต็มวัยนั้นจะยาวประมาณ 2.5 – 4.5 เมตร ลำตัวใหญ่ หัวกลมเรียว ปลายหางรีมน สีลำตัวมีตั้งแต่สีดำเข้ม น้ำตาลเข้ม สีเทา เหลืองหม่น และสีขาวทั้งตัว เมื่อตกใจหรือโกรธจะแผ่แม่เบี้ย และยกลำตัวขึ้นสูงได้ถึง 1 ใน 3 ของความยาวลำตัวเลยทีเดียวครับ การเคลื่อนไหวปราดเปรียว การจู่โจมมีความว่องไว ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันตัวหรือล่าเหยื่ออาหารของงูเห่านั้นได้แก่สัตว์ฟันแทะทั้งหลายครับ รวมไปถึงนกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กๆ ทั่วไป พิษของงูเห่านั้นมีฤทธิ์ทำลายระบบประสาท หายใจติดขัด และเริ่มเป็นอัมพาตตามร่างกาย และอาจะเสียชีวิตได้ภายใน 2-4 ชั่วโมงภายหลังจากการถูกกัด ในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายทั่วโลกจากการถูกงูเห่ากัดครับ ซึ่งสาเหตุเนื่องจากนำส่งโรงพยาบาลหรือสถานรักษาพยาบาลได้ไม่ทันท่วงทีนั่นเองครับ

อันดับ
1 แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish)

.....และแล้วก็มาถึงอันดับที่
1 กันครับ ตำแหน่งนี้คงจะเป็นของสัตว์ชนิดไหนไปไม่ได้ครับ นอกจากเจ้าแมงกะพรุนกล่อง สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก เจ้าพวกนี้มีถิ่นฐานอาศัยอยู่ในทะเลแถบทวีปออสเตรเลียและเอเชียครับ รูปร่างของเจ้าแมงกะพรุนนี้โปร่งใส สีลำตัวออกโทนฟ้าใส ประกอบไปด้วยเส้นหนวดขนาดยาวหลายสิบเส้น ในหนวดแต่ละเส้นนั้นยังมีเข็มพิษมากกว่า 5,000 อันอยู่ภายใน ขนาดเมื่อโตเต็มที่ สามารถยาวได้ถึง 3 เมตรทีเดียวครับ

.....พิษของแมงกะพรุนกล่องนั้นจะส่งผลต่อหัวใจโดยตรงครับ ทำให้เกิดการเจ็บปวดอย่างมาก มากจนทำให้เหยื่อเกิดอาการช็อคและอาจเสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลวแบบฉับพลัน ซึ่งถ้าไม่มีการช่วยเหลือเบื้องต้นที่ถูกวิธี โดยการใช้น้ำส้มสายชูราดไปบนแผลที่โดนโจมตี น้ำส้มสายชูจะช่วยในการสลายพิษบางส่วนของเจ้าแมงกะพรุนกล่องในเบื้องต้นได้โดยการชะลอไม่ให้พิษนั้นแล่นเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว นอกจากนั้นยังส่งผลต่อเนื้อเยื่อผิวหนังโดยตรง เมื่อโดนเข็มพิษไปชั้นผิวหนังก็จะถูกทำลายเป็นรอยไหม้เป็นเส้นตามร่างกาย เหมือนโดนแส้หนามฟาดเลยทีเดียวครับ
ตามบันทึกผู้เสียชีวิตจากเจ้าแมงกะพรุนกล่องนี้ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีประมาณ 5 พันกว่าคนแน่ะครับ จัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีความอันตรายอย่างมากทีเดียว มันเลยไม่ต้องว่ายน้ำเพื่อไล่ล่าเหยื่อ เพียงแต่ลอยไปมาเพื่อรอให้เหยื่อว่ายเข้ามาติดกับโดนหนวดที่มีเข็มพิษของมันเท่านั้นเองครับ อีกความสามารถของเจ้าแมงกะพรุนกล่องที่เหนือล้ำกว่าแมงกะพรุนชนิดอื่นนั้นก็คือ ความสามารถในการเคลื่อนที่ในน้ำครับ โดยมันสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วถึง 4 น็อต หรือประมาณเกือบ 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียวครับ มีเพียงสัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นครับ ที่พิษของแมงกะพรุนนั้นไม่ส่งผลหรือทำอันตรายมันได้ หนำซ้ำยังกินแมงกะพรุนกล่องเป็นอาหารเสียอีก สัตว์ชนิดนี้คือเต่าทะเลครับ ดูไม่น่าเชื่อทีเดียว แต่มันก็เป็นธรรมดาของห่วงโซ่อาหารนั่นแหละครับ เมื่อมีสัตว์ล่าก็ย่อมมีสัตว์ที่ถูกล่าด้วยเช่นกัน
.....ครับ นี่ก็เป็นบทความ
10 สุดยอดสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุด เป็นยังไงบ้างครับ อ่านกันพอได้เพลินๆ อย่าติดตามลืมอ่านบทความเรื่องต่อไปนะครับ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเหมือนกัน จนกว่าจะคราวหน้าครับ

Credit:
Source:

1.
http://www.food-hygiene-online.co.uk/wp-content/uploads/2010/12/pufferfish-604x396.png
2.
http://en.wikipedia.org/wiki/Tetraodontidae#Poisoning
3.
http://neosublime.com/wp-content/uploads/2009/03/blue-poison-dart-frog-two.jpg
4.
http://en.wikipedia.org
5. http://library.thinkquest.org/C007974/2_1sto.htm

6.http://www.offbeatpets.com/invertebrates/profile-venomous-death-stalker-scorpion-

leiurus-quinquestriatus/

7. http://www.marineparks.wa.gov.au/fun-facts/blue-ringed-octopus.html

8.http://www.pbs.org/wnet/nature/interactives-extras/animal-guides/animal-guide-blue-

ringed-octopus/2177/

9.
http://marinebio.org/species.asp?id=403
10.
google
11.
http://www.savekohsurin.com/webboard/topic.php?topicid=137
12.
http://animals.nationalgeographic.com/animals/invertebrates/box-jellyfish/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น