วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รอสเวลล์ (Roswell UFO incident) ตอนที่ 2

.....เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกลืมเลือนไปกว่า 30 ปี จากนั้นก็กลับมาโด่งดังแบบสุดขีดเมื่อมีการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนั้นโดยตรง ในปี ค..1978 นักยูเอฟโอวิทยา สแตนตัน ฟรีดแมน (Stanton Friedman) ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้พัน เจสซี่ มาร์เซล (Jesse Marcel) นายทหารที่อยู่ในที่เกิดเหตุในวันนั้น โดยเจสซี่ได้เปิดเผยว่าทางกองทัพนั้นได้ปกปิดเรื่องราวเอาไว้ แท้ที่จริงแล้ว ที่ตกลงมานั้นไม่ใช่บอลลูน แต่เป็นจานบินของเอเลี่ยนที่ตกที่รอสเวลล์ แต่ทางกองทัพไม่ต้องการให้ประชาชนได้รู้เรื่อง เลยทำการปกปิดว่าเป็นบอลลูนตรวจอากาศ แล้วส่งคนมาเก็บหลักฐานไปเก็บเอาไว้ที่ฐานทัพ โดยเจสซี่เองได้เก็บเอาซากวัตถุนั้นกลับมาที่บ้านด้วย เพื่อให้ภรรยาและลูกชายของเขาดู โดยมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ดูแปลก เพราะเป็นแท่งโลหะที่สลักด้วยอักษรบางชนิดที่ดูคล้ายอักษรเฮียโรกลิฟ จากนั้นก็ได้นำกลับไปคืนยังฐานทัพ
.....ต่อมาในปี ค..1980 นิตยสาร เนชั่นแนล เอ็นไควเรอร์ (The National Enquirer) ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้พันเจสซี่ อีกครั้ง คราวนี้เป็นการเผยแพร่ไปในสื่อที่กว้างกว่าเดิม จนทำให้เรื่องราวของรอสเวลล์กลับมาเป็นที่สนใจของผู้ที่สนใจอีกครั้ง มีหลายฝ่ายได้ทำการรวบรวมหาหลักฐานการรายงานเพิ่มเติม เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้น ได้มีหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับได้ตีพิมพ์และเขียนนิยายเกี่ยวกับรอสเวลล์ออกมามากมาย
.....ในปี ค..1989 สัปเหร่อ เกล็น เดนนิส (Glen Dennis) ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของรอสเวลล์ โดยเขาเล่าผ่านประสบการณ์ในวันนั้นถึงเรื่องราวอันน่าพิศวง เริ่มมาจากในตอนบ่ายของวันที่เกิดอุบัติเหตุ เดนนิสได้รับโทรศัพท์จากทางกองทัพอากาศ โดยจะให้เขาช่วยเรื่องการขนส่งโลงที่ต้องการการปิดผนึกอย่างดี เพื่อใส่ร่างของคนที่โดนระเบิด เกล็นได้ถูกตามตัวไปยังโรงพยาบาลและได้เห็นทหารหลายคน พร้อมด้วยรถหลายคัน จอดประจำการอยู่ที่โรงพยาบาล โดยหนึ่งในนั้นได้บรรทุก เศษซากโลหะลักษณะแปลก เขาจึงเดินไปดู แต่ก็ถูกทหารที่ดูแลอยู่ไล่ออกมา และได้ขู่ว่าถ้าไม่อยากมีเรื่อง อย่าเล่าเรื่องที่เห็นออกไปอย่างเด็ดขาด วันต่อมาเดนนิสได้มาพบกับคนรักของเขาที่เป็นนางพยาบาลประจำโรงพยาบาล เธอได้เล่าว่าได้ถูกขอให้มาช่วย และได้พบเข้ากับร่างของเอเลี่ยนและได้วาดรูปบรรยายถึงสิ่งที่พบเห็นให้แก่เดนนิส จากนั้นไม่กี่วันเธอได้ถูกย้ายไปประจำการที่อื่น โดยที่เดนนิสและโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ก็ไม่รู้ว่าถูกย้ายไปอยู่ที่ไหน
.....รายงานจากบรรดาพยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์นั้น ก็ยังมีออกมาเปิดเผยอยู่เป็นระยะๆ กระทั่งหนังสือ รายการทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งได้แนวคิดและหลักฐานใหม่ๆ ต่างก็ถูกนำมายกเป็นประเด็นกล่าวถึงอยู่ออกมาอีกมากมายจนกระทั่งปัจจุบัน เรื่องของรอสเวลล์นี่กลายเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมากว่า
60 ปี ว่ามีการตกของจานบินจริงหรือไม่ รัฐบาลสหรัฐได้ปกปิดอะไรหรือเปล่า เรื่องราวเหล่านี้ก็ยากที่จะพิสูจน์ให้ชัดเจนก็เป็นเรื่องที่กระทำได้ยากครับ เพราะนอกจากหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันจะหาได้ยากแล้ว พยานบุคคลในสมัยนั้นก็แทบจะไม่มีเหลือ บันทึกเอกสารของทางกองทัพอากาศก็ถูกเผาทิ้งไปแทบหมด ทำให้ยากที่จะติดตามได้ ครับ นี่ก็เป็นเรื่องราวของจานบินตกที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เรา รายละเอียดเกี่ยวกับรอสเวลล์นี้ ยังมีอีกเยอะครับ ถ้าใครสนใจก็ลองหาอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บหรือหนังสือก็มีออกมาเยอะครับ เลือกได้ตามสบายกันเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น