วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โมอาย รูปสลักหินปริศนาบนเกาะอีสเตอร์ (Moai, Easter Island Statues)

     สวัสดีกันอีกครั้งครับ ช่วงนี้เหตุการณ์น้ำท่วมบ้านเราก็ยังคงอยู่ในช่วงที่ต้องเฝ้าระวังกันอยู่ ก็คงต้องมีสติ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทละนะครับ ก็ขอเอาใจช่วยผู้ที่ประสบภัยให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ด้วยดี เอาล่ะครับ มาเข้าเรื่องของบทความครั้งนี้ดีกว่าครับ อัพเดตคราวนี้ขออนุญาตพาทุกท่านไปไกลถึง เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) กันเลยทีเดียว โดยที่เกาะนี้มีรูปสลักหินขนาดยักษ์ที่เรียกกันว่า “โมอาย (Moai)” อยู่ ครับ ถ้าอยากรู้เรื่องราวของโมอายว่าคืออะไร เป็นเพียงรูปสลักหินธรรมดาหรือสิ่งที่ชนเผ่าราปานุยสร้างขึ้นบูชาและปกป้อง พวกเขาจากภัยธรรมชาติ หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าพร้อมแล้วก็เชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ
    
     โมอายเป็นหินภูเขาไฟขนาดใหญ่สลักเป็นรูปร่างคนบ้าง หน้าคนบ้าง ตั้งอยู่รายรอบไปทั่วบริเวณเกาะอีสเตอร์ในทะเลแปซิฟิคตะวันออกเฉียงใต้ เกาะอีสเตอร์นั้นอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศชิลี มีขนาดพื้นที่ของเกาะกินอาณาบริเวณประมาณ 164 ตารางกิโลเมตร มีประชากรท้องถิ่นอาศัยอยู่ประมาณ 5,034 คน เป็นสถานที่ที่ว่ากันว่าที่นี่เป็นใจกลางของโลก บ้างก็ว่าเป็นสะดือของโลกไปนั่น โดยชื่อเกาะอีสเตอร์นั้นถูกตั้งขึ้นตามวันที่มีการค้นพบเกาะนี้ครับ ซึ่งเป็น วันอีสเตอร์ (Easter's Day) พอดีในปี ค.ศ.1722 โดยมาจากการค้นพบของนักสำรวจชาวฮอลแลนด์ เจค็อบ ร็อกเกวีน (Jacob Roggeveen) แรกเริ่มเดิมทีชื่อของเกาะอีสเตอร์นั้นถูกตั้งเป็นชื่อภาษาสเปนครับว่า isla de paschua หรือแปลว่าเกาะอีสเตอร์ในภาษาอังฤษนั่นเองครับ และในปัจจุบันทาง องค์กรยูเนสโก (UNESCO) ก็ได้ประกาศให้เกาะอีสเตอร์เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งด้วยครับ


      สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกาะเล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ก็มาจากรูปสลักแท่งหินหน้าคนขนาดยักษ์จำนวนหลายร้อยชิ้น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ โมอาย นั่นเองครับ ซึ่งผู้ที่สร้างโมอายขึ้นมาว่ากันว่าเป็น ชนเผ่าราปานุย (Rapa nui) หรือชาวโพลินิเชียในสมัยโบราณ ที่อพยพเข้ามายังเกาะแห่งนี้ในอดีต


เหล่าโมอายเรียงรายอยู่บน "อาฮู"


     ชาวเกาะในปัจจุบันนี้ไม่ได้สืบสายเลือดจากชาวเกาะเผ่าราปานุยดั้งเดิมในสมัย ก่อนนะครับ แต่เป็นอีกพวกที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่อาศัยในภายหลัง ต่อมาชาวเกาะชนเผ่าดั้งเดิมก็ได้สูญสิ้นไป ทำให้เหลือแต่ชาวเกาะสายเลือดใหม่ที่ยังอยู่ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ยังมีโชว์การแสดงสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะอีสเตอร์ ถึงเรื่องราวในอดีตของชนเผ่าพื้นเมืองที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่เกาะอีสเตอร์นี้อยู่ครับ รวมไปถึงตำนานมนุษย์ปักษาอันโด่งดังของเกาะอีสเตอร์

บริเวณที่โมอายตั้งอยู่ เรียงรายรอบเกาะเลยทีเดียวครับ

     โมอายนั้นคาดว่าถูกสร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.1200 – 1500 โดยสร้างขึ้นจากหินภูเขาไฟบ้าง จากหินเกลือบ้าง ตั้งอยู่เรียงรายไปทั่วเกาะอีสเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกตั้งให้หันหน้าออกไปยังทะเล โมอายบนเกาะนั้นมีอยู่ประมาณ 887 ชิ้น กล่าวกันว่าโมอายเกือบทั้งหมดนั้นถูกแกะสลักจากบริเวณพื้นที่ที่เรียกว่า ราโน ราราคู (Rano Raraku) ที่เป็นแหล่งรวมหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ ในปัจจุบันยังมีโมอายเหลืออยู่อีกหลายร้อยตัวที่ยังคงอยู่ที่ราโน ราราคู ยังไม่ได้ทำการขนส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ของเกาะ

ตัวนี้จมอยู่บริเวณชายฝั่งครับ
       อาจจะคิดกันว่าโมอายก็ตัวไม่ใช่น้อยๆ น้ำหนักก็เป็นตัน จะขนไปยังจุดต่างๆ ของเกาะได้อย่างไร คำถามนี้ เคยมีผู้ที่ให้ทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายโมอายเอาไว้อยู่ทฤษฎีครับ ส่วนใหญ่ก็จะใช้ทฤษฎีเรื่องของคานดีดคานงัดมาร่วมกับการใช้ไม้ประครองในการเคลื่อนที่ หรือใช้ไม้พยุงโมอายให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นในการลาก การเข็ญ หรือการจัดตั้งให้โมอายอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ โดยอาจจะสร้างชั้นดินขึ้นมาเพื่อพยุงโมอายเอาไว้เวลาจะเปลี่ยนตำแหน่ง ช่องรายการสารคดีดิสคัพเวอร์รี่ แชนแนลก็ยังเคยเอามาออกอากาศ อยู่เหมือนกันครับ
โมอายพวกนี้มีลำตัวนะครับ เพียงแต่ถูกดินฝังจนเหลือแต่ส่วนหัวเท่านั้น


     มาดูกันที่ขนาดของโมอายกันบ้างครับ โมอายนั้นมีด้วยกันอยู่หลายขนาด เล็กบ้างใหญ่บ้าง แกะสลักเสร็จสมบูรณ์บ้าง ถูกแกะสลักค้างแล้วทิ้งเอาไว้บ้าง โมอายที่ตัวสูงที่สุดนั้นชื่อว่า พาโร (Paro) มีความสูงกว่า 10 เมตร น้ำหนักกว่า 82 ตัน แต่ตัวที่หนักที่สุดนั้นชื่อว่า อาฮู ทงกันกิ (Ahu Tonganki) มีน้ำหนักถึง 86 ตัน ครับ แต่ก็ยังมีโมอายยักษ์ใหญ่อีกตัวที่คาดว่ายังแกะสลักไม่ทันเสร็จครับ ถูกทิ้งค้างเอาไว้ โดยจากการประมาณแล้วคาดว่า ถ้าเจ้าโมอายตัวนี้แกะสลักเสร็จแล้วละก็ จะมีความสูงถึง 21 เมตร น้ำหนักกว่า 270 เลย ทีเดียวครับ และน่าจะเป็นโมอายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเลยทีเดียวครับ
โมอายที่ยังแกะไม่เสร็จอยู่ที่ ราโนอราราคู
    โมอายนั้นเป็นรูปสลักแบบไม่มีขาครับ (โมอายมีลำตัวนะครับ ไม่ใช่มีแต่หน้าอย่างเดียว) แต่ก็มีการพบเจอโมอายที่มีขาอยู่ตัวนึง แถมนั่งบนขาอยู่อีกต่างหากครับ เจ้าโมอายมีขาตัวนี้มีชื่อว่า ทูคุทูริ (Tukuturi) ครับ เชื่อกันครับว่าต้นแบบของโมอายนั้นถูกแกะสลักมาจาก ใบหน้าชาวโพลินิเชีย หรือชาวราปานุยในอดีต สังเกตได้จากรูปลักษณ์ของโมอายที่มีใบหน้ายาว คิ้วหนา จมูกเป็นสันใหญ่ ริมฝีปากบาง มี
ลักษณะคล้ายกับชาวโพลินิเชียในสมัยโบราณอยู่เหมือนกันครับ

"ปุเกา"

โมอายเพียงตัวเดียวที่มี "ขา" ครับ
   โมอายบางตัวนั้นมีสิ่งที่คล้ายปมผมหรือที่เรียกว่า "ปุเกา (Pukao)" หรือมวยผมที่ครอบอยู่ บนหัวอีกทีนึงครับ โดยปุเกานั้นอาจมีไว้เพื่อแสดงให้รู้ถึงลำดับชั้นของโมอาย ก็เป็นได้ครับ (ในการ์ตูนเกี่ยวกับหายนะเรื่อง MMR มองโมอายที่มีปุเกาอยู่บนหัวว่า ชาวเกาะพวกนี้เป็นบรรพบุรุษชาวญี่ปุ่นไปซะงั้น) ทั้งนี้เมื่อทำการสลักรูปโมอายเสร็จเรียบร้อย ก็จะนำไปวางตั้งเรียงกันบนฐานหินหรือที่เรียกกันว่า อาฮู (Ahu) นั่นเองครับ จากการตรวจสอบนั้นพบว่ามีโมอายจมอยู่บริเวณนอกชายฝั่งเช่นกันครับ หากแต่ว่ามันเคลื่อนที่ไปตรงนั้นได้อย่างไรยังไม่ปรากฏบันทึกแน่ชัดครับ มีโจ๊กอยู่เรื่องนึง เคยมีนักท่องเที่ยวถามคำถามแก่ชนพื้นเมืองว่าโมอายนั้นลงจากเขามาได้อย่างไร แกก็ตอบว่ามันมีขา มันก็เดินลงมาเองทั้งหมดนั่นแหละ อีกเรื่องนึงก็ว่ากันว่าโมอายถูกขนลงมาจากเขาด้วยพลังจิตครับ หรือบ้างก็ว่าถ้ามีผู้ที่เหมาะสมออกคำสั่ง เหล่าโมอายก็จะพากันเดินเองได้ ก็ว่ากันไปครับ

     โมอายไม่เพียงแต่รู้จักกันในนามของรูปสลักหินขนาดยักษ์เท่านั้นครับ ยังเคยมีการนำเอาโมอายไปทำเกมคอมพิวเตอร์เมื่อสิบกว่าปีก่อน หรือเป็นคาแรคเตอร์ประกอบในเกมอยู่ด้วยเหมือนกันครับ ในหนังสือการ์ตูนหลายเรืองก็ยังมีการนำเอาโมอายไปเขียนถึงอยู่บ่อยๆ หรืออย่างในวงการภาพยนตร์ ล่าสุดในเรื่อง Night at The Museum ทั้งสองภาค ก็ยังมีตัวละครที่เป็นโมอายเข้ามามีบทบาทอยู่ในหนังด้วยเหมือนกัน เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไหน โมอายก็มักจะถูกนำขึ้นพูดถึงอยู่เสมอไม่ว่าจะในแง่ของความน่าสนใจหรือความ ลึกลับของตัวมันเองก็ตามทีครับ
เกมโมอายคุง เกมเมื่อ 20 กว่าปีก่อนแน่ะครับ
กราดิอุส ก็มีโมอายเข้ามาแจมเหมือนกัน
      มาถึงบทสรุปส่งท้ายบทความนี้กันครับ สำหรับจุดประสงค์ของการสร้างโมอายขึ้นมาคืออะไร หรือมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ในปัจจุบันเราก็ยังไม่พบคำตอบที่แน่ชัดของคำถามเหล่านี้ครับ มันจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้า เพื่อเอาไว้เคารพสักการะ เพื่องานศิลปะเท่านั้น หรือถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนธรรมชาติเพื่อปกป้องและให้ความคุ้มครองแก่ชนเผ่าที่สร้างมันขึ้นมา คำถามและคำตอบเหล่านี้ก็ยังคงเป็นปริศนาครับ บรรดานักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยเฉพาะสาขา นักประวัติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอารยธรรมโบราณต่างก็หาที่มาที่ไปของโมอาย มาถึงทุกวันนี้ครับ และก็คงต้องค้นหาคำตอบกันต่อไป เพื่อให้มาได้ซึ่งบทสรุป ที่มีการตามหากันมาอย่างยาวนานก็เป็นได้ครับ

Credits:

1. http://en.wikipedia.org/wiki/Easter_Island
2. http://www.bradshawfoundation.com/easter/
3. http://www.crystalinks.com/easterisland.html
4. http://it.wikipedia.org/wiki/Moai
5. http://untitled-project.com/photolog/content/...../IMG_4639.JPG
6. pics from google.com

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 ธันวาคม 2554 เวลา 16:02

    อาจเป็นรูปปั้นบรรพบุรุจคนบนเกาะก็ได้ 555+

    ตอบลบ