วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ฉลามก่อนยุคประวัติศาสตร์ (Prehistoric shark)

.....พบกันอีกเช่นเคยครับ บทความนี้ เป็นเรื่องราวของฉลามก่อนยุคประวัติศาสตร์ เจ้าที่ว่านี่คือ ฉลามเหงือก (Frilled Shark) ครับ ที่มีการพบเจอกันโดยบังเอิญ ก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ เจ้าฉลามพันธุ์นี้อาศัยอยู่ในทะเลมายาวนานหลายล้านปีแล้วครับ หากจะเรียกว่า ฟอสซิลที่ยังมีชีวิตอยู่ (Living fossil) ก็ยังได้ครับ มันถูกค้นพบเมื่อ เดือนมกราคม ปี ค..2007 จากชาวประมงท้องถิ่นแถบจังหวัดชิสุโอกะ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่งพบเจอมันว่ายอยู่ใกล้กับผิวน้ำ จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ในเวลาต่อมาครับ มีการถ่ายวิดีโอเพื่อบันทึกเป็นหลักฐานเอาไว้ แล้วนำตัวมันไปยัง สวนสัตว์น้ำอะวาชิม่า (Marine’s Park Awashima) เพื่อศึกษามันครับ และภายหลังจากที่ถูกจับและย้ายไปที่สวนสัตว์น้ำอะวาชิม่าได้ไม่กี่ชั่วโมง มันก็เสียชีวิตครับ เนื่องจากสภาพที่อ่อนแออยู่แล้ว และจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบว่า เจ้าฉลามตัวนี้ดำรงสายพันธุ์มานานกว่า 80 ล้านปีแล้วครับ และลักษณะรูปร่างทางกายภาพของมันนั้นแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากบรรพบุรุษดั้งเดิมของมันเท่าใดนัก

.....ปกติแล้วฉลามชนิดนี้มักจะอาศัยอยู่ในทะเลลึกครับ ลึกแค่ไหน
? ก็น่าจะประมาณกว่า 500 เมตรจนถึงลึกกว่า 2 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเลลงไปครับ แน่นอนครับว่าลึกกว่าระดับที่มนุษย์อย่างเรา จะลงไปว่ายเล่นได้ หรือถ้าลงได้ก็ซี้แหงแก๋ครับ จากระดับความดันมหาศาลที่จะอัดมนุษย์ให้เป็นกล้วยปิ้งได้ การที่พบมันในลักษณะเช่นนี้นับว่าหาได้ยากทีเดียว จากการตรวจสอบพบว่าอาจจะเป็นเพราะกระแสน้ำผิดปกติทำให้เจ้าฉลามตัวนี้ปรับตัวไม่ทัน ทำให้สภาพร่างกายอ่อนแอ เลยหลงขึ้นมาใกล้กับผิวน้ำจนโดนจับได้นั่นเองครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

Funny Photo : Click 6 - Croc Funny Ads

พบกันภาพน่ารัก แปลกๆ กันอีกครับกับ สำหรับตอนนี้ Click 7 แล้ว ยังเป็นตอนที่เกี่ยวกับจระเข้เช่นเคยครับ แต่คราวนี้มาในรูปงานโฆษณาแนวๆ หน่อย บางอันก็คิดได้ลึกล้ำทีเดียวครับ บางอันก็ดูแล้วขำๆ ดี เอาเป็นว่าติดตามกันเลยดีกว่า มาเปิดกันที่ภาพแรก แต่ก็ขออธิบายทีละภาพแล้วกันนะครับว่าเป็นแบบไหน
ภาพที่ 1 โฆษณาโรงเรียนสอนกระโดดร่ม
.....เป็นงานโฆษณาของโรงเรียนสอนกระโดดร่มที่เมืองนอกครับ (ใครสนใจลองไป Google ดูเอานะครับ) งานนี้เอาจระเข้มาเป็นจุดขายครับ โดยมีคำโปรย (Catch phrase) อยู่นิดหน่อยทางขวามือตรงโลโก้ด้านล่างครับ โดยโฆษณาก็จะเป็นภาพเท้าของผู้ชายคนนึง เหมือนกำลังตกลงไปในบึงที่มีจระเข้เต็มไปหมด ดูแล้วไม่อยากนึกถึงสภาพของผู้ชายคนนี้เลย ……การสื่อความหมายของใบปิดนี้ ก็ต้องการบอกแก่ผู้ชมนัยๆ ครับว่า ถ้าไม่อยากเป็นแบบชายหนุ่มในภาพนี้ละก็ เลือกโรงเรียนสอนโดดร่มให้ดีๆ หน่อย ไม่งั้นอาจเป็นแบบในภาพได้…..อะไรประมาณนี้น่ะครับอย่ามองลงข้างล่าง มันสยอง


วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

เอเลี่ยนบนดาวอังคาร (Humanoid Figure on Mars)

.....กลับมาบทความที่เกี่ยวกับความลึกลับบนดาวอังคารกันอีกครั้งครับ คราวนี้เป็นเรื่องของภาพแปลกๆ ที่ถ่ายได้จากดาวอังคารกันครับ อันที่จริงแล้ว ภาพถ่ายวิวจากดาวอังคารแบบต้นฉบับนั้นมีด้วยกันอยู่หลายร้อยภาพทีเดียวครับ ทางนาซ่าเอง เขาก็อนุญาตให้ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้จากเวบของนาซ่าได้เลยครับ แต่นอนว่าภาพเหล่านี้นั้นผ่านการตรวจสอบจากนาซ่ามาแล้วว่าสามารถให้เผยแพร่ได้ แล้วภาพที่นาซ่านำมาเผยแพร่ไม่ได้นั้น อันนี้ก็น่าคิดครับว่า อาจจะมีบางลับบางอย่างที่ตอนนี้ยังไม่สามารถให้ประชาชนรับรู้ได้

….เกริ่นไปซะเยอะ สำหรับบทความนี้ ก็จะนำเสนอภาพหนึ่งที่ดูแล้วเหมือนกับรูปร่างของ “บางสิ่ง ที่ดูคล้ายสิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่บนก้อนหิน บนดาวอังคาร ภาพนี้ถ่ายได้จากยาน สปิริต มาร์ส เอ็กซ์โพลเรอร์ (Spirit Nasa’s Mars Explorer) ครับ บ้างก็ว่าว่าเหมือนเจ้าตีนโต ไม่ก็เจ้าตัวชิวบัคก้าไปซะงั้น


ภาพถ่ายจากระยะไกล

10 อันดับไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก : ตอนที่ 2

ขนาดเปรียบเทียบไดโนเสาร์ยักษ์ใหญ่แต่ละชนิด


.....มาถึงบทความตอนที่ 2 สำหรับ 10 อันดับไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีการค้นพบกันมาครับ จริงๆ แล้วการจัดแบ่งประเภทหรือขนาดไดโนเสาร์นี่ ยังมีการแตกแยกออกไปอีกหลายแขนงเลยครับ เช่น การแบ่งไดโนเสาร์ด้วยน้ำหนัก การแบ่งไดโนเสาร์ด้วยขนาดความยาว เป็นต้นครับ แต่อันดับที่นำมาให้รับชมกันนี้ วัดจากพื้นฐานที่ขนาดและความยาวเป็นหลักครับ สำหรับเมื่อตอนที่แล้ว ได้นำมาให้รู้จักกันถึงอันดับที่ 7 แล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาต่อกันที่อันดับที่ 6 ต่อได้เลยครับ

อันดับที่ 6 ชิลันไทซอรัส (Chilantaisaurus).....ไดโนเสาร์ผู้เข้ารอบชนิดนี้มาจากยุคครีเตเชียสตอนปลายครับ หรือประมาณ 92 ล้านปีก่อน ฟังจากชื่อแล้วก็อาจจะพอทราบว่า มันถูกค้นพบที่ประเทศจีนนี่เองครับ เมื่อปี ค..1964 เมื่อไม่นานมานี้เอง จากนักโบราณคดีชาวจีนชื่อ ฮู (Hu) เช่นเคยกับไดโนเสาร์กินเนื้อนักล่าทั่วไปครับ ที่จะมีกรามและฟันแหลมคมขนาดใหญ่เอาไว้จับเหยื่อ เดินสองขา น้ำหนักโดยประมาณ 4-6 ตัน ความยาวจากหัวถึงปลายหางประมาณ 13 เมตรครับ จากการศึกษาพบว่ามันเป็นญาติที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับอัลโลซอรัสและคาร์โนซอรัสครับ

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

10 อันดับไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก : ตอนที่ 1

.....หากจะกล่าวย้อนหลังไปซักหลายร้อยล้านปีมาแล้ว ในสมัยที่โลกยังเป็นยุคโบราณยังไม่มีมนุษย์กำเนิดขึ้นมา มีสัตว์อยู่ประเภทหนึ่งที่ครองโลกอยู่ ใช่แล้วครับ เจ้าสัตว์ที่ว่านี่ก็คือ ไดโนเสาร์นั่นเอง คำว่า “ไดโนเสาร์” นั้นมีที่มาจากภาษากรีกสองคำครับ คือ ไดโนส (Deinos) ที่ว่าแปล ทรงพลังและน่าเกรงขาม กับ ซอโรส (Sauros) ที่แปลว่า กิ้งก่า นั่นเองครับ ส่วนคำว่า ไดโนซอร์ (Dinosaur) หรือไดโนเสาร์ นั้นถูกตั้งโดยนักบรรพชีวินวิทยาชาวอังกฤษ ริชาร์ด โอเว่น (Richard Owen) เมื่อปี ค..1942 ครับ การค้นพบไดโนเสาร์นั้นมีมานับพันปีแล้วครับ หากแต่เราเพิ่งมารู้จักกับไดโนเสาร์ว่ามันเป็นสัตว์แบบไหน กินอะไรเป็นอาหาร อาศัยอยู่อย่างไร ก็เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี่เอง ซากกระดูกฟอสซิลของไดโนเสาร์เอง นี่ก็เป็นที่มาของสัตว์ในจินตนาการอย่างเช่น มังกรนั่นเองครับ
.....การค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์และนำมาตีพิมพ์ในงานวิจัยครั้งแรกนั้น เกิดขึ้นเมื่อ ค..1821 ครับ จากศาตราจารย์ทางชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด วิลเลี่ยม บัคแลนด์ (William Buckland) โดยซากฟอสซิลของไดโนเสาร์ตัวนี้ก็คือ เมกกะโลซอรัส (Megalosaurus)
ไดโนเสาร์ตัวแรกที่มีการค้นพบฟอสซิลอย่างเป็นทางการ
ส่วนฟอสซิลไดโนเสาร์ตัวที่สองของโลกที่มีการค้นพบก็คือ อิกัวโนดอน (Iguanodon) ครับ ค้นพบโดย แมรี แอน แมนเทล (Mary-Ann Mantell) ภรรยาของ กิเดียน แมนเทล (Gideon Mantell) นักชีววิทยาชาวอังกฤษ ส่วนชื่ออิกัวโนดอน นั้น กิเดียน ได้แรงบันดาลใจมาจากกระดูกของกิ้งก่าอิกัวน่า ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับฟอสซิลที่ค้นพบ ก็เลยตั้งชื่อว่าอิกัวโนดอนซะเลย

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

โมเคลลี มเบมเบ้ (Mokele Mbembe) สัตว์ผู้หยุดสายน้ำ

......เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสชมสารคดีทางช่อง National Geographic ครับ เป็นซีรี่ยส์ Beast Hunterว่าด้วยเรื่องของการตามล่าสัตว์ในตำนานที่เล่าขานกันทั่วโลก ตอนที่รับชมนั้นเป็นเรื่องของการตามหาตัวของสัตว์ลึกลับที่ประเทศคองโกครับ ชื่อของมันก็คือ โมเคลเล มเบมเบ้ (Mokele Mbembe) ครับ ออกเสียงยากเล็กน้อย เลยนึกถึงเรื่องบทความเจ้าสัตว์ตัวนี้ ที่แต่ก่อนเคยทำไว้ลงที่เวบ Myth เมื่อนานมาแล้วครับ นำมาลงไว้อีกครั้งเผื่อจะมีผู้ที่สนใจอ่านอีกนะครับ ในส่วนของข้อมูลนั้นได้ทำการแก้ไขให้กระชับขึ้น เพราะกลับมาอ่านอีกที แต่ก่อนเขียนใส่น้ำไปซะเยอะ เลยต้องปรุงใหม่ซะหน่อยและก็เพิ่มข่าวล่าสุดที่มีการกล่าวถึงเจ้าโมเคลลีนี้ด้วยเล็กน้อยครับ ว่าแล้วก็เชิญรับชมกันได้ตามอัธยาศัยเลยครับ
******
จากที่เคยลงในเวบ Myth ครับ

…..คราวนี้จะพาไปติดตามเรื่องของสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งหรือสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งเป็นสัตว์ลึกลับที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานมีอยู่อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่คำบอกเล่าจากปากของพยานที่อ้างว่าพบเห็นเท่านั้น เจ้าสัตว์ลึกลับนี้ก็คือ "โมเคลเล มเบมเบ้ " ภาษาคองโกนั้นความหมายว่า "ผู้หยุดสายน้ำ"ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

Funny Photo : Click 5 - Photoshop Croc

พบกันภาพน่ารัก ดูแล้วอมยิ้มกันอีกเช่นเคยครับกับ Funny Photo ตอนที่ 5 แล้ว ตอนนี้ชื่อว่า Photoshop Croc เป็นภาพตกแต่งที่เอา จระเข้มาผสมเข้าสัตว์แต่ละชนิดด้วยโปรแกรมแต่งรูป Photoshop เหมือนเช่นเคยครับ ดูกันพอเพลินๆ มาประเดิมด้วยรูปแรกกันเลยดีกว่าจระเข้ผสมกับนก ก็ดูเข้าท่าดีเหมือนกันครับ

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

แผ่นไฟตอส (Phaistos Disc)

วันก่อนได้อ่าน CMB มีอยู่ตอนหนึ่งว่าด้วยเรื่องของ แผ่นไฟตอส (Phaistos Disc) นี้ เห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยนำมาทำเป็นบทความอันนี้ขึ้นมาครับ แผ่นไฟตอสนั้นว่าไปแล้วก็นับได้ว่าเป็นวัตถุโบราณที่มีความคาบเกี่ยวอยู่กับวัตถุเหนือกาลเวลา หรือโอพารทส์ (Ooparts) อีกชิ้นหนึ่งก็ว่าได้ แต่จะเพราะอะไรนั้น เชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ

สำหรับเรื่องเล่าคราวนี้ย้อนหลังไปเมื่อปี ค..1908 นักโบราณคดีชาวอิตาลี ลุยจิ เพอร์นิเออร์ (Luigi Pernier) ได้ค้นพบแผ่นเครื่องปั้นดินเผาวงกลมชิ้นหนึ่งในห้องใต้ดิน ที่เมืองไฟตอส บริเวณ พระราชวังไมนอน (Minoan palace) แถบทางใต้ของเกาะครีต ประเทศกรีซ ที่นี่นับว่าเต็มไปด้วยกลิ่นไอทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีนะครับ ว่าไปแล้วมีการขุดค้นพบโบราณสถานหรือโบราณวัตถุซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์จากกรีซ มีอยู่นับไม่ถ้วนทีเดียวนะครับ ไม่ว่าจะเป็นซากเมืองกรุงทรอย เครื่องจักรกลแอนติคีเธร่านี่ก็ใช่ครับ และอื่นๆ อีกมากมายเยอะแยะไปหมด


คาดกันว่าแผ่นไฟตอสนั้น อาจจะถูกสร้างขึ้นในยุคทองเหลือง (Bronze Age) หรือราวสองพันปีก่อนประวัติศาสตร์ครับ ซึ่งลักษณะของแผ่นไฟตอสนั้นมีรูปร่างกลมแบน ทำจากดินเหนียวผสม และใช้กรรมวิธีการเผาไฟเพื่อขึ้นรูปแบบเดียวกันกับที่ใช้กับเครื่องปั้นดินเผาทั่วๆ ไปนั่นเองครับ และขนาดของแผ่นไฟตอสนั้นก็นับว่าไม่ใหญ่เท่าใดนัก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เซนติเมตรหรือเท่ากับแผ่นจานข้าวเท่านั้นเอง ลวดลายประกอบไปด้วยสัญลักษณ์และลายเส้นวงกลมวิ่งเข้าหาศูนย์กลาง ตามเข็มนาฬิกา และมีลวดลายปรากฏอยู่ทั้งสองด้าน หรือรูปที่แสดงอยู่ทางด้านซ้ายมือนั่นแหละครับ ดูน่าพิศวงดีทีเดียว